ญี่ปุ่น มีชื่อทางการคือประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศหมู่เกาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันตกติดกับคาบสมุทรเกาหลี และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีทะเลญี่ปุ่นกั้น ส่วนทางทิศเหนือ ติดกับประเทศรัสเซีย มีทะเลโอค็อตสค์ เป็นเส้นแบ่งแดน ตัวอักษรคันจิของชื่อญี่ปุ่นแปลว่าถิ่นกำเนิดของดวงอาทิตย์ จึงทำให้บางครั้งถูกเรียกว่าดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย
สันนิษฐานว่ามนุษย์มาอาศัยในญี่ปุ่นครั้งแรกตั้งแต่ยุคหินเก่า การกล่าวถึงญี่ปุ่นครั้งแรกปรากฏขึ้นในบันทึกของราชสำนักจีนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 ญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากจีนในหลายด้าน เช่นภาษา การปกครองและวัฒนธรรม แต่ในขณะเดียวกันก็มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง จึงทำให้ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นมาจนปัจจุบัน อีกหลายศตวรรษต่อมา ญี่ปุ่นก็รับเอาเทคโนโลยีตะวันตกและนำมาพัฒนาประเทศจนกลายเป็นประเทศที่ก้าวหน้าและมีอิทธิพลมากที่สุดในเอเชียตะวันออก หลังจากแพ้สงครามโลกครั้งที่สองญี่ปุ่นก็มีการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองโดยการใช้รัฐธรรมนูญใหม่ใน พ.ศ. 2490
วันพุธที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2560
ธงประจำชาติ
ธงประจำชาติประเทศญี่ปุ่น
หรือรู้จักในชื่อ นิชโชกิ (ธงพระอาทิตย์) หรือชื่อ ฮิโนะมะรุ (วงกลมดวงอาทิตย์) เป็นธงประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นธงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าพื้นสีขาว กึ่งกลางธงเป็นรูปวงกลมสีแดง หมายถึง พระอาทิตย์
เพลงชาติญี่ปุ่น
คิมิงะโยะ (「君が代」 Kimi ga Yo) เป็นเพลงชาติของประเทศญี่ปุ่น เนื้อเพลงถูกนำมาจากบทกลอนในยุคสมัยเฮอัง ประมาณ 1 พันกว่าปีก่อน เนื้อเพลงเขียนโดยชาวอังกฤษชื่อ J. W. Fenton ในปี 1869 และนักดนตรีในยุคอิมพีเรียลได้นำเนื้อเพลงมาเรียบเรียงใหม่ ซึ่งใช้กันมาถึงปัจจุบัน โดยเนื้อเพลงมีดังนี้่
คันจิ | ฮิระงะนะ | โรมะจิ | คำแปลภาษาไทย |
---|---|---|---|
君が代は
千代に 八千代に 細石の 巌となりて 苔の生すまで |
きみがよは
ちよに やちよに さざれいしの いわおとなりて こけのむすまで |
Kimi ga yo wa
Chiyo ni Yachiyo ni Sazare ishi no Iwao to narite Koke no musu made |
ขอองค์พระจักรพรรดิ
จงมีพระชนมายุยืนสักพันปี หรือสักแปดพันปี กระทั่งก้อนกรวด รวมตัวเป็นภูผา และปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำ |
ขอขอบคุณ http://www.tourtooktee.com
ภาษาประจำชาติ
ภาษาราชการ
ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาเดียวที่ใช้ทั่วประเทศ แต่ว่าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ซึ่งจะมีภาษาท้องถิ่นของตนเอง แต่จากจำนวนคนญี่ปุ่นที่มีมากกว่า 120 ล้านคน ทำให้ภาษาญี่ปุ่น เป็นภาษาที่มีผู้ใช้มากเป็นอันดับที่ 10 รองจากภาษาจีน , อังกฤษ , รัสเซียและอื่น ๆ ภาษาอังกฤษ จะใช้ได้บ้างก็เฉพาะในบริเวณสนามบิน โรงแรมใหญ่ ๆ หรือสถานที่ราชการบางแห่ง ที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารกับคนต่างชาติ แต่โดยทั่วไปแล้ว กล่าวได้ว่า คนญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีจะมีน้อยมาก เด็กนักเรียนญี่ปุ่นจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ เมื่ออยู่ชั้น ม.1 ( เกรด 7 ) และด้วยระบบการสอนที่เน้นการให้ข้อมูล การท่องจำเพื่อสอบแข่งขันมากกว่าการใช้ในชีวิตจริง จึงทำให้เด็กญี่ปุ่นไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่อาจจะเขียนและอ่านได้ดีกว่า ดังนั้น สำหรับชาวต่างชาติแล้ว หากไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย ก็จะลำบากต่อการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นมาก
ทีเดียว
ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาเดียวที่ใช้ทั่วประเทศ แต่ว่าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ซึ่งจะมีภาษาท้องถิ่นของตนเอง แต่จากจำนวนคนญี่ปุ่นที่มีมากกว่า 120 ล้านคน ทำให้ภาษาญี่ปุ่น เป็นภาษาที่มีผู้ใช้มากเป็นอันดับที่ 10 รองจากภาษาจีน , อังกฤษ , รัสเซียและอื่น ๆ ภาษาอังกฤษ จะใช้ได้บ้างก็เฉพาะในบริเวณสนามบิน โรงแรมใหญ่ ๆ หรือสถานที่ราชการบางแห่ง ที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารกับคนต่างชาติ แต่โดยทั่วไปแล้ว กล่าวได้ว่า คนญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีจะมีน้อยมาก เด็กนักเรียนญี่ปุ่นจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ เมื่ออยู่ชั้น ม.1 ( เกรด 7 ) และด้วยระบบการสอนที่เน้นการให้ข้อมูล การท่องจำเพื่อสอบแข่งขันมากกว่าการใช้ในชีวิตจริง จึงทำให้เด็กญี่ปุ่นไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่อาจจะเขียนและอ่านได้ดีกว่า ดังนั้น สำหรับชาวต่างชาติแล้ว หากไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย ก็จะลำบากต่อการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นมาก
ทีเดียว
ขอขอบคุณ https://narupol.wikispaces.com/
อาหารที่โดดเด่นของประเทศญี่ปุ่น
1.ราเมง (Ramen)
ลักษณะเหมือนเส้นบะหมี่ หรือหมี่เหลือง บ้านเรา แต่เส้นกลมสีเหลือง ได้รับอิทธิพลมาจากจีน คำว่า Ramen ออกเสียงคล้ายกับ Lo mein ในภาษาจีน ซึ่งแปลว่า เส้นต้ม (Boiled Noodles) และมักจะเสิร์ฟในน้ำซุปที่มี 4 รส ได้แก่ น้ำซุปเต้าเจี้ยวญี่ปุ่น (Miso) น้ำซุปรสเกลือ (Shio) น้ำซุปซีอิ๊วญี่ปุ่น (Shoyu) น้ำซุปจากน้ำต้มกระดูกหมูน้ำข้น (Tonkotsu)
ลักษณะเหมือนเส้นบะหมี่ หรือหมี่เหลือง บ้านเรา แต่เส้นกลมสีเหลือง ได้รับอิทธิพลมาจากจีน คำว่า Ramen ออกเสียงคล้ายกับ Lo mein ในภาษาจีน ซึ่งแปลว่า เส้นต้ม (Boiled Noodles) และมักจะเสิร์ฟในน้ำซุปที่มี 4 รส ได้แก่ น้ำซุปเต้าเจี้ยวญี่ปุ่น (Miso) น้ำซุปรสเกลือ (Shio) น้ำซุปซีอิ๊วญี่ปุ่น (Shoyu) น้ำซุปจากน้ำต้มกระดูกหมูน้ำข้น (Tonkotsu)
ขอขอบคุณhttp://www.educatepark.com/
ซูชิ (sushi)
2.ซูชิ (sushi)
ซูชิ หรือ ข้าวปั้นมีหน้า เป็นอาหารญี่ปุ่น ที่ข้าวมีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู และกินคู่กับปลา เนื้อ หรือ ของคาวชนิดต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น ซูชิมักจะหมายถึงอาหารที่มีส่วนประกอบของ ซูชิเมะชิ (ข้าวที่ผสมน้ำส้มสายชู) และมีหน้าแบบต่างๆเป็นหน้า ที่นิยมได้แก่ อาหารทะเล ผัก ไข่ เห็ด เนื้อที่นำมาใช้อาจจะเป็นเนื้อดิบ หรือ เนื้อที่ผ่านกระบวนการทำอาหารแล้ว สำหรับในประเทศอื่น และซูชิส่วนใหญ่มักใส่วาซาบิ บนข้าวเพื่อให้ได้ความอร่อยมากยิ่งขึ้นซูชิ หมายถึง การรวมกันระหว่างปลากับข้าว ซูชิมีวิวัฒนาการมาเมื่อหลายร้อยปีมาแล้วซึ่งเกิดจากความต้องการถนอมอาหารของคนญี่ปุ่น โดยซูชิ นิยมหมายถึง นิงิริซูชิ ที่เป็นข้าวมาอัดเป็นก้อนและมีเนื้อปลาวางบนด้านหน้าเท่านั้น
ซูชิ หรือ ข้าวปั้นมีหน้า เป็นอาหารญี่ปุ่น ที่ข้าวมีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู และกินคู่กับปลา เนื้อ หรือ ของคาวชนิดต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น ซูชิมักจะหมายถึงอาหารที่มีส่วนประกอบของ ซูชิเมะชิ (ข้าวที่ผสมน้ำส้มสายชู) และมีหน้าแบบต่างๆเป็นหน้า ที่นิยมได้แก่ อาหารทะเล ผัก ไข่ เห็ด เนื้อที่นำมาใช้อาจจะเป็นเนื้อดิบ หรือ เนื้อที่ผ่านกระบวนการทำอาหารแล้ว สำหรับในประเทศอื่น และซูชิส่วนใหญ่มักใส่วาซาบิ บนข้าวเพื่อให้ได้ความอร่อยมากยิ่งขึ้นซูชิ หมายถึง การรวมกันระหว่างปลากับข้าว ซูชิมีวิวัฒนาการมาเมื่อหลายร้อยปีมาแล้วซึ่งเกิดจากความต้องการถนอมอาหารของคนญี่ปุ่น โดยซูชิ นิยมหมายถึง นิงิริซูชิ ที่เป็นข้าวมาอัดเป็นก้อนและมีเนื้อปลาวางบนด้านหน้าเท่านั้น
ขอขอบคุณ https://sites.google.com/
ทาโกะยากิ (takoyaki)
3.ทาโกะยากิ (takoyaki)
“ทาโกะยากิ” (Takoyaki) เป็นชื่อของอาหารญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง บางทีภาษาไทยก็เรียกกันว่า “ขนมครกญี่ปุ่น” ทาโกะยากิมีต้นกำเนิดมาจากเมืองโอซาก้าประเทศญี่ปุ่น และเป็นอาหาร ยอดนิยมในแถบคันไซซึ่งหากดูตามรายการเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นเหมทาโกะยากิเป็นอาการที่ได้รับความนิยมในงานเทศกาลต่างๆ อย่างไรก็ตามตามร้านอาหารญี่ปุ่นก็มักจะมีเมนูทาโกะยากิเป็นอาหารทานเล่นเช่นกันลักษณะของทาโกะยากิ (โดยส่วนใหญ่) จะเป็นลูกกลมๆทอดจนเป็นสีน้ำตาลราดด้วยซอสและมายองเนสแล้วโรยหน้าด้วยผงสาหร่ายและแผ่นปลาแห้ง ส่วนผสมของทาโกะยากินั้นจะประกอบด้วยน้ำแป้ง, ขิงดอง, แป้งทอด, หอมสับ , แล้วก็ที่ขาดไม่ได้คือหนวดปลาหมึกยักษ์ (Tako) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชื่อทาโกะยากินั่นเอง และอีกคำหนึ่งคือ “Yaki” ก็แสดงถึงวิธีทำก็คือการเอาส่วนผสมเหล่านี้ลงไปทอดในกระทะที่มีลักษณะเป็นหลุมนั่นเอง
ขอขอบคุณ https://ampiyou.wordpress.com
นาเบะ (หม้อไฟ)
4.นาเบะ (หม้อไฟ)
เมนูนาเบะ นั้นมีหลากหลายประเภทมากตั้งแต่ สุกี้ยากี้, ชาบูชาบู หรือจังโกะนาเบะ เป็นต้น ไม่เพียงแค่วัตถุดิบเท่านั้น แต่น้ำซุป, ซอสจิ้มเนื้อหรือผักที่สุกแล้ว และวิธีการทานก็แตกต่างกันไปด้วย
เมนูนาเบะ นั้นมีหลากหลายประเภทมากตั้งแต่ สุกี้ยากี้, ชาบูชาบู หรือจังโกะนาเบะ เป็นต้น ไม่เพียงแค่วัตถุดิบเท่านั้น แต่น้ำซุป, ซอสจิ้มเนื้อหรือผักที่สุกแล้ว และวิธีการทานก็แตกต่างกันไปด้วย
เมนูสุกี้ยากี้ที่ใช้ไข่ดิบเป็นน้ำจิ้มหรือเมนูชาบูชาบูแบบนำวัตถุดิบไปจิ้มจุ่มน้ำซุปร้อนๆก็น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีไปเล่าให้เพื่อนๆฟังหลังกลับประเทศเหมือนกัน
ขอขอบคุณ https://matcha-jp.com/th/1713
สุกี้ยากี้ (sukiyaki)
5.สุกี้ยากี้ (sukiyaki)
สุกี้ยากี้เป็นอาหารหม้อไฟที่มีเครื่องเป็นเนื้อสไลด์บาง ต้นหอมยาว เก็กฮวย เห็ดหอม เต้าหู้ จิ้มกับเหล้าหวานมิริน น้ำตาล โชยุ การใช้เนื้อที่สไลด์หนากว่าชาบุชาบุเป็นเรื่องปกติ
สุกี้ยากี้เป็นอาหารหม้อไฟที่มีเครื่องเป็นเนื้อสไลด์บาง ต้นหอมยาว เก็กฮวย เห็ดหอม เต้าหู้ จิ้มกับเหล้าหวานมิริน น้ำตาล โชยุ การใช้เนื้อที่สไลด์หนากว่าชาบุชาบุเป็นเรื่องปกติ
วันอังคารที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2560
ระบบกฎหมายในประเทศญี่ปุ่น
ระบบกฎหมายของญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลทางประวัติศาสตร์จากกฎหมายของจีน และมีพัฒนาการเฉพาะตัวในยุคเอโดะผ่านทางเอกสารต่าง ๆ เช่น ประมวลกฎหมายคุจิกะตะโอะซะดะเมะงากิ ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นพุทธศตวรรษ 2400 เป็นต้นมา ได้มีการวางรากฐานระบบตุลาการในญี่ปุ่นขนานใหญ่โดยใช้ระบบซีวิลลอว์ของยุโรปโดยเฉพาะของฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็นต้นแบบ เช่นใน พ.ศ. 2439 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งของตน เรียก "มินโป" โดยมีประมวลกฎหมายแพ่งของเยอรมันเป็นต้นแบบ และคงมีผลใช้บังคับอยู่นับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนปัจจุบัน
กฎหมายสูงสุดแห่งรัฐ คือ รัฐธรรมนูญ และบรรดากฎหมายแม่บทของญี่ปุ่นมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นผู้ตรา พระจักรพรรดิเป็นผู้ทรงประกาศใช้โดยต้องทรงประทับพระราชลัญจกรเป็นการประกาศ ใช้ ทั้งนี้ โดยนิตินัยแล้วพระจักรพรรดิไม่ทรงมีพระราชอำนาจในการยับยั้งกฎหมาย ส่วนศาลของญี่ปุ่นนั้น แบ่งเป็นสามชั้นจากต่ำขึ้นไป ดังนี้ ศาลชั้นต้น ประกอบด้วย ศาลชั้นต้นทั่วไป ศาลแขวง และศาลครอบครัว, ศาลอุทธรณ์ และศาลสูงสุด ส่วนกฎหมายหลักของญี่ปุ่นเรียก "รปโป" มีสภาพเป็นประมวลกฎหมายที่สำคัญหกฉบับ
ขอขอบคุณ http://japan.mol.go.th/node/258
วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560
ลักษณะทางสังคมของประเทศญี่ปุ่น
1.ศาสนา
ศาสนาหลักได้แก่ศาสนาชินโตและศาสนาพุทธ ในปัจจุบันชาวญี่ปุ่นไม่นิยมนับถือศาสนาใดเป็นหลัก แต่นิยมปฏิบัติตามประเพณี และพิธีกรรมเป็นส่วนใหญ่
ขอบขอบคุณ http://www.study-in-japan.com
สกุลเงิน
ที่ญี่ปุ่นจะใช้สกุลเงิน (เยนญี่ปุ่น) หน่วยที่ใช้ คือ (เยน Yen) สัญลักษณ์ที่ใช้แทน คือ (¥) ธนบัตรที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้จะเเบ่งออกเป็น 10,000 เยน , 5,000 เยน , 2,000 เยน ,1,000 เยน เเละเหรียญที่ใช้จะมีเหรียญ 500 เยน , 100 เยน , 50 เยน ,10 เยน ,5 เยน , 1 เยน
อัตราค่าเงินในญี่ปุ่น
อัตราค่าเงินเยน ณ เดือนตุลาคม ปี 2015 เมื่อแลกจากเงินดอลลาร์สหรัฐ=ประมาณ 120 เยน, 1 ดอลลาร์ไต้หวัน = ประมาณ 3.7 เยน, เงินหยวน 1 หยวน=ประมาณ 19 เยน, 100 วอนเกาหลี=ประมาณ 11 เยน
ขอขอบคุณ https://matcha-jp.com/th/1359
การศึกษา
3.การศึกษา
มหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่นจะกำหนดหลักสูตรและระยะเวลา ดังนี้ ระดับปริญญาตรีจะใช้เวลาทั้งสิ้น 4 ปี, ระดับปริญญาโท 2 ปี และระดับปริญญาเอก 3 ปี
ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีมาตรฐานทางด้านการศึกษาในระดับสูง โดยระบบการศึกษาของประเทศได้รับต้นแบบมา จากระบบการศึกษาของหลาย ๆประเทศ อาทิเช่น ประเทศอังกฤษ, ฝรั่งเศส และอเมริกา โดยจะแบ่งระดับการศึกษาเป็น
– ระดับอนุบาล (Kindergarten / Yochien)- อายุต่ำกว่า 6 ปี
ถึงแม้ว่าการศึกษาในระดับอนุบาลจะไม่ใช่การศึกษาภาคบังคับ แต่การศึกษาในระดับนี้กลับมีจำนวนผู้เข้าเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นั่นทำให้รัฐบาลตั้งเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพของการศึกษาระดับนี้มากขึ้น
ถึงแม้ว่าการศึกษาในระดับอนุบาลจะไม่ใช่การศึกษาภาคบังคับ แต่การศึกษาในระดับนี้กลับมีจำนวนผู้เข้าเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นั่นทำให้รัฐบาลตั้งเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพของการศึกษาระดับนี้มากขึ้น
– ระดับประถม (Elementary School / shogakkou)- 6-12 ปี
เริ่มตั้งแต่ผู้เรียนอายุ 6 ปี – 12 ปี ซึ่งการศึกษาในระดับนี้เป็นการศึกษาภาคบังคับสำหรับชาวญี่ปุ่น โดยโรงเรียนรัฐบาลจะมีการกำหนดยูนิฟอร์มให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และโรงเรียนส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนของรัฐ มีเพียงแค่ร้อยละ 5 เท่านั้นที่เป็นโรงเรียนเอกชน
เริ่มตั้งแต่ผู้เรียนอายุ 6 ปี – 12 ปี ซึ่งการศึกษาในระดับนี้เป็นการศึกษาภาคบังคับสำหรับชาวญี่ปุ่น โดยโรงเรียนรัฐบาลจะมีการกำหนดยูนิฟอร์มให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และโรงเรียนส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนของรัฐ มีเพียงแค่ร้อยละ 5 เท่านั้นที่เป็นโรงเรียนเอกชน
– ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (Lower Secondary School / chugakkou)- 12-15 ปี
เป็นระดับการศึกษาที่สำคัญต่อเด็กนักเรียน เพื่อเตรียมเข้าสู่การเรียนในระดับมัธยมปลาย เนื่องจากเด็กส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ในชมรม, กิจกรรม และการเรียนของโรงเรียนเป็นหลัก
เป็นระดับการศึกษาที่สำคัญต่อเด็กนักเรียน เพื่อเตรียมเข้าสู่การเรียนในระดับมัธยมปลาย เนื่องจากเด็กส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ในชมรม, กิจกรรม และการเรียนของโรงเรียนเป็นหลัก
– ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Upper Secondary School / koutougakkou)- 15-18 ปี
การศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นภาคการศึกษาไม่บังคับในประเทศญี่ปุ่น แต่อย่างไรก็ตามร้อยละ 94 ของผู้เรียนที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจะเข้าเรียนต่อ โดยการเรียนในระดับนี้นั้นจะต้องมีการสอบเข้า เช่นเดียวกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศต่าง ๆ และนักเรียนที่จบจากโรงเรียนบางโรงเรียนจะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยระดับประเทศได้โดยตรง อาทิเช่น University of Tokyo แต่สำหรับนักเรียนที่ไม่อยากเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ก็จะเข้าวิทยาลัยเทคนิคเช่นเดียวกับระบบการศึกษาในประเทศไทย
– ระดับมหาวิทยาลัย (University)- 18-20 หรือ 22 ปีการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นภาคการศึกษาไม่บังคับในประเทศญี่ปุ่น แต่อย่างไรก็ตามร้อยละ 94 ของผู้เรียนที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจะเข้าเรียนต่อ โดยการเรียนในระดับนี้นั้นจะต้องมีการสอบเข้า เช่นเดียวกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศต่าง ๆ และนักเรียนที่จบจากโรงเรียนบางโรงเรียนจะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยระดับประเทศได้โดยตรง อาทิเช่น University of Tokyo แต่สำหรับนักเรียนที่ไม่อยากเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ก็จะเข้าวิทยาลัยเทคนิคเช่นเดียวกับระบบการศึกษาในประเทศไทย
มหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่นจะกำหนดหลักสูตรและระยะเวลา ดังนี้ ระดับปริญญาตรีจะใช้เวลาทั้งสิ้น 4 ปี, ระดับปริญญาโท 2 ปี และระดับปริญญาเอก 3 ปี
การเรียนในระดับมหาวิทยาลัยจะเริ่มภาคการศึกษาในเดือนเมษายนของแต่ละปี โดยจะแบ่งภาคการศึกษาเป็น ภาคการศึกษาที่ 1 (เดือนเมษายน-เดือนกันยายน) และภาคการศึกษาที่ 2 (เดือนกันยายน-เดือนมีนาคม) โดยระยะเวลาการรับสมัครโดยทั่วไปจะสิ้นสุดในเดือนกันยายนหรือเดือนตุลาคมสำหรับการสมัครเรียนในเดือนเมษายนของปีถัดไป
ขอขอบคุณ http://www.educatepark.com
เศรษฐกิจ
ปัจจุบันเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก สหรัฐอเมริกา และ ประเทศจีน ถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองในรัชสมัยโชวะ จักรวรรดิญี่ปุ่นมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก แม้ว่าจะพ่ายแพ้สงครามแต่ญี่ปุ่นก็สามารถไต่เต้าขึ้นมามีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา และครองตำแหน่งนี้ยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ จากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) อำนาจซื้อต่อหัวของญี่ปุ่นในเวทีโลก อยู่ที่ 35,855 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงเป็นอันดับ 22 ของโลกการคาดการณ์เศรษฐกิจญี่ปุ่น มีการสำรวจเป็นรายไตรมาสที่เรียกว่า ทังกัง
จัดทำโดยธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น
ปัจจุบัน ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผลิตยานยนต์ได้มากเป็นอันดับ 3 ของโลกนอกจากนี้ ยังมีอุตสาหรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของโลก ที่มักจะมีการจัดอันดับในบรรดาหมู่ประเทศนวัตตกรรมชั้นนำ ซึ่งในระยะหลังมานี้ญี่ปุ่นต้องเผชิญการแข่งขันกับ จีน และ เกาหลีใต้ ที่เริ่มช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการผลิตในประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน ได้ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการผลิตเป็นหลัก ซึ่งใช้แรงงานคนน้อย และมีความแม่นยำมากกว่า จำพวก ยานยนต์ไฮบริด และหุ่นยนต์อัตโนมัติต่างๆ ซึ่งพบได้ทั่วไปในโรงงานในภูมิภาคคันโตทั้งนี้ภูมิภาคคันไซก็เป็นหนึ่งในพื้นที่อุตสาหกรรมชั้นนำและศูนย์การผลิตสำหรับเศรษฐกิจญี่ปุ่น
ขอขอบคุณ https://sites.google.com
ประชากร
5. ประชากร
ญี่ปุ่น เป็นประเทศหนึ่งในบรรดาประเทศ ที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในโลก แต่เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ราบ ดังนั้นพื้นที่บางแห่งจึงมีประชากรหนาแน่นกว่า ประชากรญี่ปุ่นส่วนใหญ่ อาศัยอยู่ในแถบฝั่งทะเลด้านตะวันออกที่มีการพัฒนาไปมาก หรือในภูมิภาคทางใต้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น เมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุด ได้แก่ โตเกียว โอซาก้า โยโกฮามา และนาโงยา
จำนวนประชากร : 127 ล้านคน
อัตราการเพิ่มของประชากร : 0.16 %
ความหนาแน่นของประชากร : 340 คนต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร
อายุเฉลี่ย : ชาย 76 ปี , หญิง 82 ปี
จำนวนคนต่างชาติ : 1,556,113 คน ( เดือนตุลาคม 2542 )
วันเสาร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2560
ระบบการปกครองของประเทศญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบเสรีภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยมีสมเด็จพระจักรพรรดิทรงเป็นประมุข แต่มีรัฐสภาเป็นสถาบันสูงสุดของรัฐ มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าของคณะรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีได้รับเลือกจากสมาชิกรัฐสภา นอกจากนี้ตามรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นฉบับที่ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) หรือฉบับปัจจุบันได้มีการบัญญัติไว้ว่าสมเด็จพระจักรพรรดิทรงเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ มิใช่องค์ประมุขและไม่มีอำนาจในการบริหารประเทศ
ขอขอบคุณ http://www.japantourcenter.com/index.php/japan-information/42-history/53-japan-governmental
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
1.หอโทรทัศน์โตเกียวสกายทรี เป็นหอที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่และยังเป็นเหมือนแลนด์มาร์คของโตเกียว ตั้งอยู่ใจกลางของ Sumida City Ward ไม่ไกลจากวัดอาซากุสะ (Asakusa) โตเกียวสกายทรีเป็นตึกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น มีความสูงถึง 634 เมตร บริเวณรอบๆเป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ รวมทั้งมีอควอเรียมอยู่ในนั้นด้วย
ขอขอบคุณ https://www.talonjapan.com/tokyo-skytree/
2. ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น
และอาจกล่าวได้ว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในโลก เพราะมีความสูงถึง 3,776 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยะมะนะชิและชิซุโอะกะ และสามารถมองเห็นได้จากโตเกียวและโยโกฮาม่า ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง
ขอขอบคุณ https://travel.kapook.com/view18881.html
3.ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine)
เป็นศาลเจ้าชื่อดัง ที่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกียวโตทุกคนต่างเดินทางมาดูโทริอิ (Torii) หรือประตูศาลเจ้าที่เรียงต่อทอดยาว จากตีนเขาไปถึงยอดเขาสูงถึง 233 เมตร ประตูโทริที่เรียงรายกันเป็นอุโมงสีแดงนี้เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
ขอขอบคุณ http://www.kyoto1day.com
5.ปราสาทฮิเมจ
มีประวัติศาสตร์ก่อตั้งกว่า 400 ปีซึ่งนับเป็นปราสาทที่คงสภาพเดิมที่สุดในญี่ปุ่นและได้รับการประเมินอย่างสูงจากทั่วโลก ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกเป็นครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่นในปี 1993 สร้างทิวทัศน์ที่งดงามด้วยความสง่างามของปูนขาวซึ่งได้รับการเปรียบเปรยให้เป็นนกกระยางซึ่งบางทีถูกเรียกว่า“ปราสาทนกกระยางขาว”
ขอขอบคุณ https://www.himeji-kanko.jp
คำศัพท์น่ารู้ประเทศญี่ปุ่น
คำทักทาย ภาษาญี่ปุ่น
สวัสดีตอนเช้า Ohayou gozaimasu โอะฮาโย โกไซอิมัส
สวัสดีตอนบ่าย Kon-ni-chi-wa คอนนิจิวะ
สวัสดีตอนกลางคืน Kon-ban-wa คอนบังวะ
ราตรีสวัสดิ์ O-ya-su-mi-na-sai โอะยะซุมินะไซ
ลาก่อน : さようなら。: Sayonara : ซา-โย-นา-ระ
ขอบคุณมาก Arigatou gozaimasu อะริกะโตะ โกะไซอิมัส
ขอบคุณ Arigato อะริงาโตะ
ไม่เป็นไร Douitashimashite โดอิตะชิมะชิเตะ
ขอโทษ (รบกวน) Sumimasen/suimasen ซุมิมะเซง/ซุยมะเซง
ขอโทษ Gomennasai. โกเมงนาไซ
ยินดีที่ได้รู้จัก Hajimemashite ฮะจิเมะมาชิเตะ
บาย, เจอกันใหม่ Ja, Matane จา มาตาเนะ
นอนหลับฝันดี Oyasuminasai โอะยาสุมินาไซ
ขอโทษ Sumimasen ซูมิ มาเซ็น
ใช่ Hai ไฮ
ขอขอบคุณ https://lifestyle.campus-star.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
-
เป็นศาลเจ้าชื่อดัง ที่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกียวโตทุกคนต่างเดินทางมาดูโทริอิ (Torii) หรือประตูศาลเจ้าที่เรียงต่อทอดยาว จากตีนเขาไปถึงย...
-
2.สกุลเงิน ที่ญี่ปุ่นจะใช้สกุลเงิน (เยนญี่ปุ่น) หน่วยที่ใช้ คือ (เยน Yen) สัญลักษณ์ที่ใช้แทน คือ (¥) ธนบัตรที่ใช้กันอยู่ในปัจ...
-
และอาจกล่าวได้ว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในโลก เพราะมีความสูงถึง 3,776 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยะมะนะชิและชิซุโอะกะ และสามารถมองเห็นได้...