วันพุธที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2560

ประวัติความเป็นมาของญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น มีชื่อทางการคือประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศหมู่เกาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันตกติดกับคาบสมุทรเกาหลี และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีทะเลญี่ปุ่นกั้น ส่วนทางทิศเหนือ ติดกับประเทศรัสเซีย มีทะเลโอค็อตสค์ เป็นเส้นแบ่งแดน ตัวอักษรคันจิของชื่อญี่ปุ่นแปลว่าถิ่นกำเนิดของดวงอาทิตย์ จึงทำให้บางครั้งถูกเรียกว่าดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย

สันนิษฐานว่ามนุษย์มาอาศัยในญี่ปุ่นครั้งแรกตั้งแต่ยุคหินเก่า การกล่าวถึงญี่ปุ่นครั้งแรกปรากฏขึ้นในบันทึกของราชสำนักจีนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 ญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากจีนในหลายด้าน เช่นภาษา การปกครองและวัฒนธรรม แต่ในขณะเดียวกันก็มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง จึงทำให้ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นมาจนปัจจุบัน อีกหลายศตวรรษต่อมา ญี่ปุ่นก็รับเอาเทคโนโลยีตะวันตกและนำมาพัฒนาประเทศจนกลายเป็นประเทศที่ก้าวหน้าและมีอิทธิพลมากที่สุดในเอเชียตะวันออก หลังจากแพ้สงครามโลกครั้งที่สองญี่ปุ่นก็มีการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองโดยการใช้รัฐธรรมนูญใหม่ใน พ.ศ. 2490






ขอขอบคุณ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%

ธงประจำชาติ


ธงประจำชาติประเทศญี่ปุ่น

                                                

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประเทศญี่ปุ่น

        หรือรู้จักในชื่อ นิชโชกิ (ธงพระอาทิตย์) หรือชื่อ ฮิโนะมะรุ (วงกลมดวงอาทิตย์) เป็นธงประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นธงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าพื้นสีขาว กึ่งกลางธงเป็นรูปวงกลมสีแดง หมายถึง พระอาทิตย์

เพลงชาติญี่ปุ่น  
คิมิงะโยะ (「君が代」 Kimi ga Yo) เป็นเพลงชาติของประเทศญี่ปุ่น เนื้อเพลงถูกนำมาจากบทกลอนในยุคสมัยเฮอัง ประมาณ 1 พันกว่าปีก่อน เนื้อเพลงเขียนโดยชาวอังกฤษชื่อ J. W. Fenton ในปี 1869 และนักดนตรีในยุคอิมพีเรียลได้นำเนื้อเพลงมาเรียบเรียงใหม่ ซึ่งใช้กันมาถึงปัจจุบัน โดยเนื้อเพลงมีดังนี้่



คันจิฮิระงะนะโรมะจิคำแปลภาษาไทย
君が代は
千代に
八千代に
細石の
巌となりて
苔の生すまで
きみがよは
ちよに
やちよに
さざれいしの
いわおとなりて
こけのむすまで
Kimi ga yo wa
Chiyo ni
Yachiyo ni
Sazare ishi no
Iwao to narite
Koke no musu made
ขอองค์พระจักรพรรดิ
จงมีพระชนมายุยืนสักพันปี
หรือสักแปดพันปี
กระทั่งก้อนกรวด
รวมตัวเป็นภูผา
และปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำ

ขอขอบคุณ http://www.tourtooktee.com

ภาษาประจำชาติ

ภาษาราชการ
   ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาเดียวที่ใช้ทั่วประเทศ แต่ว่าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ซึ่งจะมีภาษาท้องถิ่นของตนเอง แต่จากจำนวนคนญี่ปุ่นที่มีมากกว่า 120 ล้านคน ทำให้ภาษาญี่ปุ่น เป็นภาษาที่มีผู้ใช้มากเป็นอันดับที่ 10 รองจากภาษาจีน , อังกฤษ , รัสเซียและอื่น ๆ ภาษาอังกฤษ จะใช้ได้บ้างก็เฉพาะในบริเวณสนามบิน โรงแรมใหญ่ ๆ หรือสถานที่ราชการบางแห่ง ที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารกับคนต่างชาติ แต่โดยทั่วไปแล้ว กล่าวได้ว่า คนญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีจะมีน้อยมาก เด็กนักเรียนญี่ปุ่นจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ เมื่ออยู่ชั้น ม.1 ( เกรด 7 ) และด้วยระบบการสอนที่เน้นการให้ข้อมูล การท่องจำเพื่อสอบแข่งขันมากกว่าการใช้ในชีวิตจริง จึงทำให้เด็กญี่ปุ่นไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่อาจจะเขียนและอ่านได้ดีกว่า ดังนั้น สำหรับชาวต่างชาติแล้ว หากไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย ก็จะลำบากต่อการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นมาก
ทีเดียว 



ขอขอบคุณ https://narupol.wikispaces.com/



อาหารที่โดดเด่นของประเทศญี่ปุ่น

1.ราเมง (Ramen)
   ลักษณะเหมือนเส้นบะหมี่ หรือหมี่เหลือง บ้านเรา แต่เส้นกลมสีเหลือง ได้รับอิทธิพลมาจากจีน คำว่า Ramen ออกเสียงคล้ายกับ Lo mein ในภาษาจีน ซึ่งแปลว่า เส้นต้ม (Boiled Noodles) และมักจะเสิร์ฟในน้ำซุปที่มี 4 รส ได้แก่ น้ำซุปเต้าเจี้ยวญี่ปุ่น (Miso) น้ำซุปรสเกลือ (Shio) น้ำซุปซีอิ๊วญี่ปุ่น (Shoyu) น้ำซุปจากน้ำต้มกระดูกหมูน้ำข้น (Tonkotsu)



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ .ราเมน



ขอขอบคุณhttp://www.educatepark.com/

ซูชิ (sushi)

 2.ซูชิ  (sushi)
  ซูชิ หรือ ข้าวปั้นมีหน้า เป็นอาหารญี่ปุ่น ที่ข้าวมีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู และกินคู่กับปลา เนื้อ หรือ ของคาวชนิดต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น ซูชิมักจะหมายถึงอาหารที่มีส่วนประกอบของ ซูชิเมะชิ (ข้าวที่ผสมน้ำส้มสายชู) และมีหน้าแบบต่างๆเป็นหน้า ที่นิยมได้แก่ อาหารทะเล ผัก ไข่ เห็ด เนื้อที่นำมาใช้อาจจะเป็นเนื้อดิบ หรือ เนื้อที่ผ่านกระบวนการทำอาหารแล้ว สำหรับในประเทศอื่น และซูชิส่วนใหญ่มักใส่วาซาบิ บนข้าวเพื่อให้ได้ความอร่อยมากยิ่งขึ้นซูชิ หมายถึง การรวมกันระหว่างปลากับข้าว ซูชิมีวิวัฒนาการมาเมื่อหลายร้อยปีมาแล้วซึ่งเกิดจากความต้องการถนอมอาหารของคนญี่ปุ่น โดยซูชิ นิยมหมายถึง นิงิริซูชิ ที่เป็นข้าวมาอัดเป็นก้อนและมีเนื้อปลาวางบนด้านหน้าเท่านั้น




ขอขอบคุณ https://sites.google.com/

ทาโกะยากิ (takoyaki)

3.ทาโกะยากิ (takoyaki)

  “ทาโกะยากิ” (Takoyaki) เป็นชื่อของอาหารญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง บางทีภาษาไทยก็เรียกกันว่า “ขนมครกญี่ปุ่น”  ทาโกะยากิมีต้นกำเนิดมาจากเมืองโอซาก้าประเทศญี่ปุ่น และเป็นอาหาร ยอดนิยมในแถบคันไซซึ่งหากดูตามรายการเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นเหมทาโกะยากิเป็นอาการที่ได้รับความนิยมในงานเทศกาลต่างๆ อย่างไรก็ตามตามร้านอาหารญี่ปุ่นก็มักจะมีเมนูทาโกะยากิเป็นอาหารทานเล่นเช่นกัน
  ลักษณะของทาโกะยากิ (โดยส่วนใหญ่) จะเป็นลูกกลมๆทอดจนเป็นสีน้ำตาลราดด้วยซอสและมายองเนสแล้วโรยหน้าด้วยผงสาหร่ายและแผ่นปลาแห้ง  ส่วนผสมของทาโกะยากินั้นจะประกอบด้วยน้ำแป้ง, ขิงดอง, แป้งทอด, หอมสับ , แล้วก็ที่ขาดไม่ได้คือหนวดปลาหมึกยักษ์ (Tako) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชื่อทาโกะยากินั่นเอง และอีกคำหนึ่งคือ “Yaki” ก็แสดงถึงวิธีทำก็คือการเอาส่วนผสมเหล่านี้ลงไปทอดในกระทะที่มีลักษณะเป็นหลุมนั่นเอง


ขอขอบคุณ https://ampiyou.wordpress.com

นาเบะ (หม้อไฟ)

    4.นาเบะ (หม้อไฟ)
เมนูนาเบะ นั้นมีหลากหลายประเภทมากตั้งแต่ สุกี้ยากี้, ชาบูชาบู หรือจังโกะนาเบะ เป็นต้น ไม่เพียงแค่วัตถุดิบเท่านั้น แต่น้ำซุป, ซอสจิ้มเนื้อหรือผักที่สุกแล้ว และวิธีการทานก็แตกต่างกันไปด้วย
   เมนูสุกี้ยากี้ที่ใช้ไข่ดิบเป็นน้ำจิ้มหรือเมนูชาบูชาบูแบบนำวัตถุดิบไปจิ้มจุ่มน้ำซุปร้อนๆก็น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีไปเล่าให้เพื่อนๆฟังหลังกลับประเทศเหมือนกัน


Rangiku sushi_Bosejima island_4


ขอขอบคุณ https://matcha-jp.com/th/1713